วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557


                                                                 บทที่ 4

ผลการเรียนรู้

             จากการศึกษาค้นคว้าและฝึกทำมะพผลที่ร้าวแก้วด้คือพวกเราได้เรียนรู้วิธีการทำ               ขนมที่ถูกวิธี และได้มะพร้าวแก้วที่อร่อยด้วยวิธีข้างล่างนี้
วิธีการทำ




 

1.            ขูดมะพร้าวให้เป็นเส้นเสมอ ๆ กัน จะให้เป็นเส้นกลมหรือ เส้นฝอยเล็ก ๆ ก็ได้ บางคนก็กะเทาะมะพร้าวจากกะลา ฝานผิวดำออกแล้วขูดด้วยกระต่ายจีนเป็นฝอยละเอียด การ ขูดระวังอย่าขูดให้ติดผิวดำจะไม่น่าดู 

 
    2. ตวงน้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวงใส่กระทะทอง ใส่น้ำดอกไม้ 1/2 ถ้วยตวง และเกลือครึ่งหนึ่งของตำรับ ยกขึ้นตั้งไฟ ค่อนข้างอ่อนจนน้ำตาลละลาย เคี่ยวต่อไปอีกสักครู่พอข้น เริ่มจะเป็นยางมะตูม 
 
 
3. ตวงมะพร้าวขูด 3 ถ้วยตวงใส่ลงในน้ำเชื่อม ใช้พายไม้คน ให้น้ำเชื่อมจับเส้นมะพร้าวให้ทั่วถึง และน้ำเชื่อมแห้งยกลง 
 

4. ใช้ช้อนเล็ก 2 คัน ตักมะพร้าวตะล่อมให้เป็นก้อนกลม ๆ วางในถาดเคลือบให้ห่างกันเล็กน้อย แต่ถ้ามะพร้าวนั้นขูด ด้วยที่ขูดมะพร้าวแก้วเป็นเส้นกลม ควรจับขดเรียงเส้นเป็น วงจะงามดี แล้วผึ่งให้แห้งจึงเก็บใส่ขวดโหลอบด้วยดอก มะลิอีกครั้ง 


 
 
สีที่สกัดจากธรรมชาติได้จากธรรมชาติ มี
สีเหลือง
            สกัดได้จาก ขมิ้นชันและขมิ้นอ้อย ล้างดินปอกเปลือก โขลกให้ละเอียด เติมน้ำแล้วกรองเอาแต่น้ำ ใช้ทำข้าวเหนียวหน้ากุ้ง ข้าวหมกไก่ แกงกะหรี่ ขนมเบื้องญวนดอกคำฝอย ให้สีเหลืองอ่อน ใช้กลีบตากแห้งต้มกับน้ำเดือด 5 นาที กรองเอากากทิ้ง ใช้ผสมขนมต่าง ๆเมล็ดคำแสด ให้สีเหลืองแสด ใช้เมล็ดแห้งแช่น้ำร้อน กรองเอาแต่น้ำลูกพุด ใช้ผลแก่หรือแห้ง ซื้อตามร้านขายยาแผนโบราณ แช่น้ำร้อน กรองเอาแต่น้ำ ดอกกรรณิการ์ ให้สีแสด ใช้ก้านดอกสีแสด บิดให้ช้ำ เติมน้ำนิดหน่อย ห่อผ้าขาวบางคั้นเอาแต่น้ำ ลูกตาลสุก ลอกเปลือกแข็งออกใส่น้ำพอท่วม นวดให้เนื้อเละ เติมน้ำอีกเท่าตัว คนให้เข้ากัน คั้นกรองเอาเส้นและเปลือกทิ้ง เทน้ำใส่ถุงผ้าทับให้แห้ง ทำขนมตาล ขนมเค้ก ไอศกรีม ฟักทอง นึ่งผสมกับแป้ง ทำขนมถั่วแปบแครอท ต้มสุกบดละเอียด ผสมลงในถั่วกวน
 

สีเขียว
          ใบเตยหอม ใช้ใบค่อนข้างแก่หั่นละเอียด โขลกเติมน้ำ คั้นน้ำ ทำขนมชั้น มะพร้าวแก้ว ซ่าหริ่ม ลอดช่องใบย่านาง ใบพริก ใบผักชี ใบมะตูม ใบตะไคร้ พริกเขียว โขลกละเอียด คั้นน้ำแต่งสีอาหารคาว เช่น แกงบอน แกงเขียวหวาน

สีน้ำเงิน
           ดอกอัญชัน ใช้กลีบสีน้ำเงินขยี้ให้ช้ำเติมน้ำเล็กน้อย กรองด้วยผ้าขาวบาง ทำขนมชั้น ซ่าหริ่ม ถั่วแปบ
 
ประโยชน์ของสีในพืช
· สารสีเหลือง พิกเม้นต์Lutein คือสารสีเหลืองที่ให้สีสันแก่ข้าวโพด ช่วยป้องกันกันความเสื่อมของจุดสี หรือแสงสีของเรตินาดวงตา ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนแก่มองไม่เห็น
· สารสีเขียว พิกเม้นต์คลอโรฟีลล์ (Chlorophyll ) เป็นสารที่ให้สีเขียวแก่ผักต่างๆ ผักที่มีสีเขียวแก่ผักต่างๆ ผักที่มีสีเขียวเข้มมากก็ยิ่งมีคลอโรฟีลล์มาก เช่น ตำลึง คะน้า บร็อกโคลี่ ชะพลู บัวบก เป็นต้น และสารคลอโรฟีลล์ ก็มีคุณค่ามากเหลือเกิน นักวิทยาศาสตร์บอกว่าเมื่อคลอโรฟีลล์ถูกย่อยแล้ว จะมีพลังแรงมากในการป้องกันมะเร็ง ทั้งยังช่วยขจัดกลิ่นเหม็นต่างๆ ในตัวคนด้วย
· สารสีม่วง พืชสีม่วงมีสารแอนโทไซยานิน( Anthocyanin ) เป็นต้นให้สีม่วงที่คุณเห็นในดอกอัญชัน กะหล่ำม่วงผิวชมพู่มะเหมี่ยว มะเขือม่วง แบล็กเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าสารตัวนี้ช่วย ลบล้างสารที่ก่อมะเร็งและสาร Anthocyanin นี้ยังออกฤทธิ์ทางขยายเส้นเลือด ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ และอัมพาตด้วย
 
ข้อแนะนำ
 
ข้อดีของสีธรรมชาติ
ข้อจำกัดของสีธรรมชาติ
1. ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้ผลิตและผู้บริโภค
2. น้ำทิ้งจากกระบวนการผลิตไม่เป็นอันตรายต่อ สิ่งแวดล้อม
3. วัตถุดิบหาได้ง่ายในชุมชนไม่ต้องใช้สีเคมีที่นำเข้าจากต่างประเทศ
4. การย้อมสีธรรมชาติสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง เป็นความรู้ที่เพิ่มพูนขึ้นตามประสบการณ์ สามารถ ถ่ายทอดให้แก่คนรุ่นหลัง เป็นภูมิปัญญาของท้องถิ่น
5. สีธรรมชาติมีความหลากหลาย ตามชนิด อายุและ ส่วนของพืชที่ใช้ ตลอดจนชนิดของสารกระตุ้นหรือขั้น ตอนการย้อม
6. การย้อมสีธรรมชาติทำให้เห็นคุณค่าและรู้จักใช้ ประโยชน์ของทรัพยากรธรรมชาติ
7. ความสัมพันธ์ระหว่างคนย้อมสีกับต้นไม้ ย่อมก่อให้ เกิดความรัก ความหวงแหน และเรียนรู้ที่จะอนุรักษ์ และปลูกทดแทนเพื่อการผลิตที่ยั่งยืน
1. ปริมาณสารสีในวัตถุดิบย้อมสีมีน้อย ทำให้ย้อมได้สีไม่เข้ม หรือต้องใช้ วัตถุดิบปริมาณมาก
2. ปัญหาด้านการผลิตคือไม่สามารถ ผลิตได้ในประมาณมากและไม่สามารถผลิตสีตามที่ตลาดต้องการ
3. สีซีดจางและมีความคงทนต่อแสงต่ำ
4. คุณภาพการย้อมสีธรรมชาติขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ซึ่งควบคุมได้ยาก การย้อมสีให้เหมือนเดิมจึงทำได้ยาก
5. ในการย้อมสีธรรมชาติถ้าไม่มีวิธีการ และจิตสำนึกในการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนย่อมจะกลายเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อมได้
 
 
***การใช้สีผสมอาหารมีจุดประสงค์เพื่อให้อาหารแลดูสวยงาม น่ารับประทาน ซึ่งสามารถดึงดูดใจผู้บริโภคทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่เราจะใช้ยังไงให้ปลอดภัย ถ้าเราต้องซื้ออาหารที่เค้าทำขายตามท้องตลาด ซึ่งผู้ค้าสมัยนี้หาคนที่มีสำนึกรับผิดชอบได้น้อยมาก โอกาสที่เราจะได้รับอันตรายจากสีสังเคราะห์ที่ใช้ผสมอาหารนั้นมีมาก ทางที่ดีถ้าเรามีฝีมือในการทำอาหารอยู่บ้างแล้ว แนะนำให้ทำทานเองที่บ้านดีกว่า ถึงแม้ว่าการทำครั้งแรกอาจจะไม่อร่อยถูกปากเหมือนกับที่ซื้อเค้ามา แต่ถ้าเราทำบ่อยๆ เราก็สามารถพัฒนาฝีมือของเราเองไปเรื่อยๆ แถมยังได้อาหารที่สด สะอาดและปลอดภัยอีกด้วย วันนี้เรามีวิธีการนำสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติ ที่หลายคนยังไม่เคยรู้ว่าทำได้ มาทำสีผสมอาหาร ยังไงลองเอาไปทำดูนะคะรับรองว่าปลอดภัยจากอันตรายจากสีสังเคราะห์ 100 %
 
     
 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น